สาย Fiber optic cable Single-mode ชนิด G.652D ต่างกับ G.657A อย่างไร
สาย Fiber optic cable Single-mode ชนิด G.652D ต่างกับ G.657A อย่างไร
สายไฟเบอร์ออฟติก(Fiber optic cable) ชนิด Single-mode ที่นิยมใช้กันอยู่ปัจจุบัน จะมีหลากหลายรูปแบบเช่น เป็นสายใช้ภายใน Patch cord, Pigtail, หรือ สายภายนอก ประเภท FTTH(Fiber to the home)ชนิด Flat cable (สายแบน), Round cable (สายกลม)
ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นสายชนิดไหนก็ตาม ด้านใน คือแท่งแก้ว ไฟเบอร์ออฟติก ชนิด Single-mode ที่ในปัจจุบัน ได้ผลิตและออกแบบมาตรงตามมาตรฐาน ของสาย Fiber optic cable โดยอิงมาตรฐาน ITU-T ซึ่งย่อมาจาก International Telecommunication Union ซึ่งเป็นที่ได้รับความนิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย มีอยู่ 2 ชนิด คือ
1. ชนิด ITU G.652 (Covers single-mode NDSF-non-dispersion-shifted fiber) คือ แท่งแก้วแบบของสาย Single-mode เป็นระดับที่ได้รับความนิยมในการส่งสัญญาณมากที่สุด เพราะสามารถเชื่อมต่อ Splice ค่า Loss ต่ำ และ Zero water peak(ZWP) แต่ในหมวดหมู่ของ G.652 สามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ระดับ G.652A, B, C และ D ซึ่งเป็นชนิดของแท่งแก้ว ไฟเบอร์ออฟติกด้านในของสายเคเบิ้ล ซึ่งใช้ในการส่งสัญญาณแสง ไปตามสาย เพื่อเชื่อมต่อสัญญาณจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่ง ในทุกๆ Applications และที่สำคัญจะจำกัดการโค้งงอ (Bending)ได้ที่ 25-30มม.(เส้นรอบวง)
ในที่นี้จะไม่กล่าวถึงข้อมูลด้านเทคนิคจนมากเกินไป แต่จะกล่าวในการใช้งานเบื้องต้นเท่านั้น.
ITU G.652D:
Atten at 1383nm, it must be Macrobend PMD
ปัจจุบันจึงเลือกใช้ แท่งแก้ว(Optical fiber cable) ในระดับ G.652.D เป็นหลัก เพราะสามารถใช้งานในย่านความยาวคลื่นแสงที่ 1310nm และ 1550nm ที่สามารถรองรับการส่งสัญญาณข้อมูลที่ความเร็ว 10Gbe, 40Gbe, 100Gbe.
2. ชนิด ITU G.657 (Covers bend-insensitive single-mode fiber. คือแท่งแก้ว ที่ถูกออกแบบและคิดค้นออกมาใหม่ เพื่อให้สามารถ มีคุณสมบัติ ด้านการ บิด โค้ง งอ (Bending, macrobend) ได้ดีที่สุด ดังตารางด้านล่าง
ดังนั้นสายไฟเบอร์ออฟติกที่มีแท่งแก้ว ชนิด ITU T.657A จะสามารถ บิด โค้ง งอ ได้มากกว่าสายชนิด ITU-T G.652D แต่สามารถใช้งานด้วยกันได้ ในการเชื่อมต่อ เข้าหากัน ด้วย เครื่อง Fusion Splice เพราะขนาดของแท่งแก้วที่มี Mode field diameter ที่ 9.8um
Fibre Type |
Bending Radii |
Attenuation Increase (dB) |
G652D |
100 turns on 25mm mandrel at 1310/1550nm |
≤ 0.03 |
G652D |
100 turns on 30mm mandrel at 1625nm |
≤ 0.1 |
G657A2 |
10 turns on 15mm mandrel at 1550nm |
≤ 0.05 |
G657A2 |
10 turns on 15mm mandrel at 1625nm |
≤ 0.1 |
G657A2 |
1 turn on 10mm mandrel at 1550nm |
≤ 0.1 |
G657A2 |
1 turn on 10mm mandrel at 1625nm |
≤ 0.2 |
G657A2 |
1 turn on 7.5mm mandrel at 1550nm |
|
ข้อมูลด้านบน เป็นรายละเอียดของ ชนิดแท่งแก้วของสายไฟเบอร์ออพติก เพื่อเป็นการอ้างอิง ความรู้ในการเลือกใช้งานสายได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพสูงสุด
ดังนั้นในหัวข้อนี้จะสรุปได้ดังนี้ ว่าทั้งสองแบบ นั้นทำไมถึงต่างกันและใช้งานแบบไหน
- ITU-T.G652D จะนิยมใช้งานโดยจะเป็นสาย ชนิด ภายนอกอาคาร Outdoor type เป็นหลัก เพราะสามารถใช้งานได้หลากหลายรูปแบบกว่า ค่า Attenuation และ ค่า Loss ต่ำ ในการเชื่อมต่อ Fusion Splice
- ITU-T G.657A จะนิยมใช้งานกับสายประเภท Access network ทั้ง ภายในและภายนอก เช่น สายประเภท FTTH 1,2 Core แบบสายกลมและสายแบน และที่สำคัญ คือสายเชื่อมต่อแบบ Patch cord(Zipcord) ที่มีหัวทั้งสองด้าน และสายแบบ Pigtail ที่มีหัวคอนเน็คเตอร์ด้านเดียว เป็นต้น เพราะสายทั้งสองแบบจะต้อง ขด บิด งอ โค้ง ได้มากที่สุด ที่จะจัดเก็บในพื้นที่จำกัด เช่น ในกล่อง Wall box ต่าง ๆ ทั้งใน บ้าน อาคาร สำนักงาน เพื่อสะดวกต่อการใช้งาน และมีประสิทธ์ภาพสูงสุดในการทำงานของสาย ไฟเบอร์ออพติก ทังระบบ Data center และ Enterprise network.
Reference:
https://www.thefoa.org/tech/smf.htm
https://wbnetworks.com.au/blog/g652d-vs-g657a2-singlemode-optical-fibres-differences-and-advantages
By:BISMON
Recomended Article : บทความอื่นที่คุณอาจสนใจ
๐ 5 ตัวเลือกที่นิยมใช้ ในการตรวจสอบสายไฟเบอร์ออปติก
๐ Media converter ทำงานอย่างไร และ ราคาประหยัด กว่าใช้ Ethernet Switch จริงหรือไม่
๐ Fiber Patch Panel vs UTP Patch panel ต่างกันอย่างไร