Dual Fiber และ Single Fiber แตกต่างกันอย่างไร ในการเลือกใช้งานอุปกรณ์สำหรับข่ายสาย Fiber optic cable

Dual Fiber และ Single Fiber แตกต่างกันอย่างไร ในการเลือกใช้งานอุปกรณ์สำหรับข่ายสาย Fiber optic cable

Dual Fiber และ Single Fiber แตกต่างกันอย่างไร ในการเลือกใช้งานอุปกรณ์สำหรับข่ายสาย Fiber optic cable

ในปัจจุบันการใช้งานสายไฟเบอร์ออฟติกได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นทุกระบบในการใช้งานด้านต่างๆ เช่น การส่งข้อมูล ภาพและเสียง, อินเตอร์เน็ต, กล้องวงจรปิด และการควบคุมระบบต่างๆผ่านระบบ PLC และอื่นๆที่เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนในบางครั้งการหาข้อมูลด้านการใช้งานอุปกรณ์ประเภทนี้ จึงไม่ค่อยมีมากนัก โดยทางทีมงานจึงได้จัดทำบทความ แบบกระชับ ไม่ยาวและจะไม่ลงลึกถึงรายละเอียดทางเทคนิคมากนัก แต่จะเน้นการใช้งานจริงเป็นหลักและจะพูดถึงประโยชน์ และข้อเสีย ของแต่ละประเภทอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

1.Dual Fiber หมายถึง การใช้งานและส่งสัญญาณผ่านหัวคอนเน็คเตอร์แบบ 2 หัว หรือแบบคู่ (2 Core) โดยจะมีการส่งแบบ ไปและกลับ คนละเส้นของสายไฟเบอร์ออฟติก (TX/RX) โดยเราจะแบ่งรายละเอียด เพิ่มเติมได้ดังนี้

  • แบ่งตามชนิด ของสายไฟเบอร์ออฟติก เช่น Single-mode จะใช้งานความยาวคลื่นแสง(wavelength) 1310/1550nm และ Multi-mode (wavelength) 850/1300nm
  • แบ่งตามชนิด ของความเร็วในการใช้งาน เช่น 100Mbps, 1000Mbps และ 10GB และชนิดของหัว Connector  ของอุปกรณ์
  • 100Mbps หัวของคอนเน็คเตอร์จะเป็นแบบ SC connector
  • 1000Mbps หัวของคอนเน็คเตอร์จะเป็นแบบ SC Connector
  • 1.25GB หัวของคอนเน็คเตอร์จะเป็นแบบ LC connector
  • 2.5GB หัวของคอนเน็คเตอร์จะเป็นแบบ LC connector
  • 10GB หัวของคอนเน็คเตอร์จะเป็นแบบ LC connector

ซึ่งโดยปกติจะเป็นการออกแบบตามมาตรฐานสากลที่ออกแบบให้เป็นแบบ Dual Fiber(2 Core) หรือแบบคู่  และในหลักการทำงาน จะส่งสัญญาณไปกลับ สลับกันคนละหนึ่งเส้นของสายไฟเบอร์ออฟติก ทั้งด้านส่ง(TX: Transmit) ไปยังอีกฝั่ง RX: Receive ซึ่งในการออกแบบระบบ ผู้ออกแบบหรือเอ็นจิเนีย จำเป็นจะต้องคำนวณสายไฟเบอร์ออฟติก ให้เพียงพอกับระบบนั้นๆ เพราะถ้าไม่พียงพอต่อการใช้งาน และระยะทางไกลมาก เราจำเป็นจะต้องติดตั้งสายใหม่เพิ่มทีหลัง ซึ่งจะทำให้มีค่าใช้จ่ายที่สูงตามมา(แต่ก็จะมีวิธีแก้ คือการใช้แบบ Single Core/Single Fiber) ที่มีการคิดค้นมาเพื่อแก้ปัญหานี้โดยเฉพาะ

2.แบบที่สอง Single Fiber หมายถึงการส่งสัญญาณผ่านสายไฟเบอร์ออฟติก แค่เพียง 1 เส้นหรือ

Single-Fiber โดยอาศัยหลักการทำงานแบบ WDM Technology (Wavelength-Division Multiplexing )หรือ Bidirectional(BIDI) ซึ่งจะสามารถส่งและรับ สัญญาณได้ทั้งสองทิศทาง ความยาวคลื่นแสง (wavelength) คนละแบบ คือ ต้นทางฝั่ง A  จะส่งไปยังฝั่ง B ด้วยความยาวคลื่นที่ 1310nm และอีกด้าน ฝั่ง B จะส่งสัญญาณที่ 1550nm สลับกัน จึงทำให้การทำงานสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังประหยัดสายไฟเบอร์ออฟติกได้ดี และยังสามารถช่วยแก้ปัญหาการใช้งานของโครงข่ายที่สายไฟเบอร์ออฟติกไม่เพียงพอ ในระยะไกลๆ ได้เป็นอย่างดี ในการแบ่งแยก ออกมาเพื่อใช้งาน ในระบบต่างๆได้อย่างสมบูรณ์

 

 

ข้อดีของการใช้งานแบบ Single-Fiber หรือสายเพียง 1 แกน(Core)

  • สามารถประหยัดสายเคเบิลไฟเบอร์ออฟติกได้ และลดต้นทุนในการใช้งานในระยะไกล
  • สามารถใช้งานได้หลากหลายระบบ Applications ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ตัวแปลงสัญญาณ ทั้งรับและส่งนั้นๆ

ข้อเสีย ของอุปกรณ์แบบ Single-Fiber

  •  มีราคาแพงกว่าแบบ Dual Fiber แบบทั่วไป ทั้ง Media converter หรือ SFP transceiver  หรือในอุปกรณ์ต่างๆ

 

ดังนั้นในการออกแบบและเลือกใช้งานอุปกรณ์สำหรับระบบโครงข่ายสายไฟเบอร์ออฟติกนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทราบถึงรายละเอียดของระบบนั้นๆก่อนเสมอว่า ต้องการที่จะใช้งานในรูปแบบใด และ สามารถเพื่อจำนวนของแกน เส้นไฟเบอร์ออฟติกไว้มากน้อยเพียงใด เพื่อให้เพียงพอต่อการใช้งานในอนาคต

ทั้งนี้ระบบต่างๆและเทคโนโลยีก็ได้ปรับเปลี่ยนอย่างต่อเนื่อง

 

 

By: BISMON

E-mail:sale@bismon.com

 




Recomended Article : บทความอื่นที่คุณอาจสนใจ

๐ ความสำคัญของ Surge Protector สำหรับงานกล้อง CCTV

๐ การเลือก กลุ่มสินค้าที่ทาง BISMON จัดจำหน่าย ให้เหมาะสมกับระบบของคุณอย่างไร

๐ ODF Fiber optic 1 ชุด ประกอบด้วยอะไรบ้าง

๐ Fiber optic cable color codes คืออะไร?

๐ ความสำคัญของ Surge Protector สำหรับงานกล้อง CCTV